บทความนี้จะขอนำเสนอผลงานศิลปะเด็กเช่นเดิม โดยจะกล่าวถึงงานปั้นแป้งโดว์เป็นรูปทรงต่างๆ ทั้งที่เลียนแบบธรรมชาติและที่จินตนาการขึ้นเอง งานปั้นนี้เด็กๆ ชอบมากและทำอย่างสนุกสนาน เพราะการได้ใช้มือสัมผัสก้อนแป้งนุ่มๆ ที่มีกลิ่นหอมเหมือนขนม นอกจากจะเป็นการฝึกฝนกล้ามเนื้อมัดเล็กแล้ว ยังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับเนื้อสัมผัส สี และกลิ่นของแป้ง ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กยุคนี้ถึงหลงใหลในของเล่นที่ได้ใช้มือบีบ นวด คลึง อย่างสไลม์และสกุชชี่ ทั้งนี้ก็เพราะธรรมชาติของเด็กมีความอยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว การได้สัมผัสและทำความรู้จักกับวัตถุต่างๆ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะไปเสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางร่างกายและจิตใจของพวกเขา

ผลงานข้างบนนี้เกิดขึ้นในการเรียนศิลปะครั้งแรกๆ ของน้องพัชรจัง ขณะนั้นอยู่ชั้น ป.4 รร. มารดาอุปถัมภ์ จ.แพร่  ที่เลือกงานปั้นมาให้ทำก่อน ก็เพราะเป็นงานที่สรุปให้จบได้เร็วกว่างานวาด ซึ่งต้องใช้เวลาต่อเนื่องหลายครั้งกว่าจะเสร็จสิ้น ที่สำคัญน้องเป็นคนชอบขนมสวยๆ และมีความฝันอยากเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ ผู้เขียนจึงคิดหัวข้อให้เลยว่า จะปั้นแป้งโดว์เป็นเค้กที่สวยงาม ทว่าการที่น้องไม่เคยมีประสบการณ์ในการออกแบบงานปั้นหรือขนมมาก่อน ผู้เขียนจึงคิดเรื่องขนาด รูปทรง รายละเอียด และสีสันของเค้กให้ทั้งหมด เพื่อเป็นตัวอย่างในน้องได้ศึกษาเรียนรู้เรื่องการตกแต่ง การใส่รายละเอียด การเลือกสี และการจัดวางชิ้นงานให้ดูมีสไตล์ ทว่ารายละเอียดทุกอย่าง น้องมีส่วนช่วยปั้นแทบทั้งหมด ทั้งกลีบดอกไม้ ใบไม้ สตรอเบอร์รี ส้ม ลายจุด ลายเส้น ฯลฯ โดยผู้เขียนแสดงวิธีปั้นให้ดูทีละอย่าง แล้วให้น้องปั้นตาม เมื่อได้ชิ้นงานที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ครบแล้ว ผู้เขียนก็นำทุกอย่างมาประกอบเข้าด้วยกัน แล้วจัดวางให้สวยงาม

ด้านบนนี้เป็นกิจกรรมที่ผู้เขียนได้บูรณาการเอาศิลปะเข้าไปไว้ในวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อให้เด็กๆ มีความสุขในการเรียนรู้คำศัพท์  โดยงานชิ้นนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้เขียนได้สอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาหาร ขนม และเครื่องดื่มต่างๆ ให้แก่หนูดี ชั้น ป.4 และเอญ่า ชั้น ป.5 รร. เจริญศิลป์ จ.แพร่ จากนั้นในตอนท้ายคาบเรียน ผู้เขียนก็ได้พูดชื่อขนมหวานหลายชนิดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วให้ทั้งสองคนปั้นแป้งโดว์เป็นขนมชนิดนั้น  โจทย์ข้อแรกคือ fancy cake ข้อสองคือ icecream และข้อสุดท้ายคือ pancake เด็กทั้งสองสนุกกับการปั้นมาก และสามารถออกแบบขนมออกมาได้น่ารักเลยทีเดียว โดยที่ผู้เขียนช่วยออกความเห็นเรื่องการใช้สี และการตกแต่งรายละเอียดของขนมให้ออกมาดูดีมากขึ้น

 

งานชิ้นนี้เป็นของน้องก้อง ชั้น ป.2  รร. มารดาอุปถัมภ์ น้องก้องเคยทำงานศิลปะด้านอื่นมาหลายชิ้นแล้ว จึงอยากลองปั้นดูบ้าง ผู้เขียนก็เลยให้เริ่มจากงานที่ค่อนข้างง่ายก่อน นั่นคือการปั้นผลไม้หลายชนิด เช่น ส้ม แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี มังคุด องุ่น มะม่วง มะนาว แก้วมังกร ฯลฯ ซึ่งผู้เขียนก็ช่วยสอนวิธีปั้นและวิธีตกแต่งรายละเอียดเพื่อให้ผลไม้ที่ปั้นออกมามีความน่ารักสมจริงมากขึ้น การปั้นผลไม้เป็นงานที่ไม่ยากเกินความสามารถของเด็กวัยนี้ เพราะรูปทรงของผลไม้ไม่ซับซ้อนมากนัก เมื่อปั้นเสร็จแล้ว ผู้เขียนได้นำผลไม้เล็กๆ เหล่านี้มาเสียบลงบนกิ่งก้านของต้นดอกแก้ว (ที่ใช้กิ่งไม้ชนิดนี้ก็เพราะมีความเหนียวทนทาน ใบไม่เหี่ยวง่าย เก็บไว้ได้นานกว่ากิ่งไม้ชนิดอื่น) เมื่อจัดวางลงในภาชนะแล้วก็ทำให้ได้ช่อผลไม้จิ๋วที่ดูน่ารักดี สามารถใช้ตกแต่งห้องหรือสถานที่ต่างๆ ได้

นี่เป็นอีกชิ้นงานที่ผู้เขียนได้บูรณาการเอาศิลปะเข้าไปในวิชาภาษาอังกฤษด้วย เจ้าของผลงานนี้คือน้องทับทิม ขณะนั้นอยู่ชั้น ป.4 รร. ปรินส์รอแยลวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ เราตกลงกันว่าจะเล่นเกมปั้นแป้งโดว์ โดยผู้เขียนจะเป็นคนพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และหากผู้เขียนกล่าวคำใดออกมา น้องต้องปั้นแป้งให้เป็นสิ่งนั้น  เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัด น้องจึงได้ปั้นออกมาเป็นสามสิ่ง คือ caterpillar, flower garden และ butterfly  ซึ่งผู้เขียนก็ช่วยออกความคิดเห็นเรื่องการใช้สี การใส่รายละเอียด และการจัดวางชิ้นงานเพื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

งานชิ้นนี้เป็นของน้องขวัญ วัยย่างสี่ขวบ รร. อบต. หนองน้ำรัด จ.แพร่  ผู้เขียนต้องการให้น้องได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้วยการปั้นแป้งโดว์เป็นรูปทรงง่ายๆ อย่างก้อนกลม (ใช้ทำกลีบดอกไม้, ตัวหนอน, หัว ตา และปลายหนวดของหนอนและผีเสื้อ) เส้นยาวๆ  (ทำเป็นก้านดอกไม้และหนวดผีเสื้อ) หรือกดแป้งเป็นแผ่นแบนๆ แล้วใช้สองนิ้วบีบปลายแผ่นแป้งให้แหลม เพื่อทำรูปใบไม้ ทั้งหมดนี้ผู้เขียนเป็นคนคิดเรื่องราว เลือกสีของแป้งโดว์ และกะปริมาณแป้งแต่ละชิ้นให้ ส่วนน้องมีหน้าที่ปั้นแป้งนั้นเป็นรูปทรงต่างๆ ข้างต้นตามที่ครูสอน  จากนั้นผู้เขียนชี้จุดให้น้องนำก้อนแป้งที่ปั้นแล้วไปแปะลงบนตำแหน่งต่างๆ บนกระดาษ แล้วใช้นิ้วค่อยๆ กดแป้งให้ติดลงไป เมื่อนำก้อนแป้งที่เป็นรูปทรงง่ายๆ อย่างวงกลม วงรี เส้นยาว หรือแผ่นแบนๆ มาวางรวมกัน ก็สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีเรื่องราวอยู่ในนั้นได้ ^^ เรียกว่าแทนที่จะใช้ดินสอ ปากกา หรือสีประเภทต่างๆ ในการวาดเรื่องราวลงบนกระดาษ เราก็หันมาใช้แป้งโดว์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแทน

ภาพข้างบนนี้เป็นผลงานของน้องพลอย ชั้น ป.3 รร. เมธังกราวาส จ.แพร่ ระหว่างที่กำลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ น้องพลอยเสนอว่าอยากเล่นเกมปั้นแป้งโดว์ ตามโจทย์คำศัพท์ภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับที่พวกรุ่นพี่เคยเล่นกันมาแล้ว ครูจึงกำหนดหัวข้อว่าจะต้องปั้นแป้งโดว์เป็น  animals โดยตัวแรกคือ snail ตามด้วย fish, bird และ bear ตามลำดับ (เวลามีจำกัดจึงให้ปั้นแค่สี่ตัวนี้) ซึ่งน้องก็สามารถปั้นออกมาได้ดีและเป็นคนออกแบบชิ้นงานเองเกือบทั้งหมด ผู้เขียนช่วยแนะนำบ้างเรื่องการเพิ่มรายละเอียดและการเลือกสีให้ตัดกันเพื่อให้ผลงานดูเด่นขึ้น เมื่อนำทั้งสี่ชิ้นมาจัดวางรวมกัน ก็ดูเหมือนสวนสัตว์ขนาดย่อมที่น่ารักเลยทีเดียว ^^

สองภาพสุดท้ายนี้เป็นผลงานของหนูวี่ ขณะนั้นอยู่ชั้น ป.4 รร. มารดาอุปถัมภ์ น้องต้องการจะปั้นรูปลูกบอลสัตว์ (animal balls) ตามไอเดียในหนังสือสอนงานปั้นสำหรับเด็ก พวกเราจึงนำหนังสือเล่มนั้นมากางดูระหว่างปั้นเพื่อเป็นตัวอย่าง สำหรับภาพที่หนึ่ง เป็นการลองปั้นครั้งแรกของน้อง ซึ่งขณะนั้นยังไม่คล่องนัก จึงปั้นออกมาได้ตัวเดียวคือนกเพนกวินสีฟ้าเข้ม ส่วนอีกสองตัวคือปูสีแดงกับเต่าสีน้ำตาลนั้นเป็นฝีมือของครูที่ปั้นออกมาประชันกันเล่นๆ ^^ ส่วนภาพที่สอง เมื่อน้องปั้นเริ่มคล่องแล้ว ก็ทำให้ผลิตผลงานออกมาได้มากขึ้น รูปกระต่ายสีขาว ปลาหมึกสีแดง และลูกเจี๊ยบสีเหลือง เป็นผลงานของน้อง ขณะที่หมีสีฟ้า กวางสีส้ม และตัววอลรัสสีเขียวเป็นฝีมือของครู ^^

ผู้เขียนคิดว่างานปั้นนั้นไม่ได้สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กอย่างเดียว ผู้ใหญ่ก็สามารถทำงานปั้นเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัส สร้างความเพลิดเพลินใจ ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ ทว่าอาจเปลี่ยนจากแป้งโดว์ซึ่งไม่สามารถเก็บรักษาชิ้นงานไว้ได้นาน มาเป็นวัสดุอย่างอื่นที่คงทนถาวรกว่าได้ เช่นดินปั้นโมเดล ซึ่งเมื่อทิ้งไว้ให้แห้ง ก็จะสามารถเพ้นท์สีทับลงไป ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการ ที่เก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นของสะสมหรือของแต่งบ้านได้